Categories
Blog

เปลี่ยนเรื่อง”ยาก” ให้ “ง่าย” ! ในการเป็น พาร์ทเนอร์ กับจีน

สำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ ที่ต้องการเป็น พาร์ทเนอร์ กับโรงงานจีน แต่เจออุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านภาษาและวัฒนธรรม ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจทั้งสองฝ่าย อีกทั้งคุณภาพสินค้า และมาตราฐานโรงงานที่กังวล หรือแม้กระทั่งการขนส่ง บอกเลยว่า แต่ละอุปสรรคคือความท้าทายของนักธุรกิจหน้าใหม่ ที่ต้องการทำธุรกิจด้วยเป็นพาร์ทเนอร์กับจีน แต่ถึงอย่างไร ปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้จะหมดไปศึกษาให้ท่องแท้ และอีกวิธีหนึ่งที่กำลังจะบอกเล่าให้ฟัง โดยจะเปลี่ยนเรื่อง”ยาก”ให้กลายเป็นเรื่อง “ง่าย”ในการเป็น พาร์ทเนอร์ กับจีน…คุณพร้อมแล้วหรือยัง?

ก่อนอื่นสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ คุณต้องสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจในการทำธุรกิจกับพันธมิตรในจีนก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมทางธุรกิจ ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตหรือพันธมิตร รวมถึงความแตกต่างทางด้านกฎหมายและการสื่อสาร และแนวทางที่นักธุรกิจหน้าใหม่สามารถนำไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความไว้วางใจในการทำธุรกิจกับจีนได้ไม่ยากเลย
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือการศึกษาวัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติทางธุรกิจจีน ด้วยความที่ประเทศจีนมีวัฒนธรรมทางธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจส่วนบุคคล ก่อนการเจรจาเชิงธุรกิจ การเข้าใจวัฒนธรรมนี้จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพันธมิตรได้ และการแสดงออกเรื่องความสุภาพ ความเคารพ และการรักษาคำพูดเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในวงการธุรกิจของประเทศจีน การเจรจาในลักษณะที่เคารพกันและมีความชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจในระยะยาว
และอย่าลืมควรทำการตรวจสอบประวัติและข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจและเอกสารการจดทะเบียนบริษัทรวมถึงการขอข้อมูลอ้างอิงจากลูกค้าหรือพันธมิตรรายอื่นที่เคยทำธุรกิจกับบริษัทนั้น หากไม่มั่นใจสามารถใช้บริการเอเจนซี่ตรวจสอบ (Third-party audit) ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบบริษัทและโรงงานในจีน อีกทั้งยังต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผ่านทางเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ เช่น Alibaba, Global Sources หรือ Made-in-China ซึ่งบางครั้งมีระบบการตรวจสอบพันธมิตรเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือรวมถึงการใช้บริการตรวจสอบคุณภาพสินค้า (Quality Control) จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับจะเป็นไปตามมาตรฐาน

ขอแนะนำนักธุรกิจหน้าใหม่ควรเริ่มต้นด้วยข้อตกลงขนาดเล็กๆก่อน หรือคำสั่งซื้อที่ไม่ใหญ่มากจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าไม่ตรงตามที่ต้องการ หรือการส่งสินค้าไม่ตรงตามกำหนด หลังจากนั้นหากคุณได้รับความพอใจจากการทำข้อตกลงขนาดเล็กแล้ว คุณสามารถขยายการร่วมมือกับพันธมิตรจีนในอนาคตได้ เมื่อมีการเจรจาเกิดขึ้นการทำสัญญาที่ชัดเจนและรัดกุมถือว่าสำคัญมากๆ

ไหนจะเรื่องข้อกฎหมายการค้าต่างๆระหว่างประเทศหรือกฎหมายจีน เพื่อให้แน่ใจว่าสัญญาของคุณได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้อง
และถ้าให้ดีการเข้าเยี่ยมชมโรงงานและพบปะพันธมิตรโดยตรงถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งคู่ และยังทำให้พันธมิตรจีนมองเห็นความตั้งใจจริงของคุณในการทำธุรกิจร่วมกันด้วย ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับพันธมิตรจีนเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จในธุรกิจระหว่างประเทศ การปฏิบัติที่โปร่งใส การให้ความสำคัญกับคุณภาพ และการรักษาคำพูดจะช่วยสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือที่ยั่งยืน

คุณสามารถการเป็น พาร์ทเนอร์ กับจีนได้หลายทางดังที่กล่าวต่อไปนี้
1. การเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Partnership)
2. การเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ (Business Partnership)
3. การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture)
4. การตั้งโรงงานร่วมกัน (Manufacturing Partnership)
5. การจัดซื้อโดยตรง (Direct Sourcing Partnership)
6. การเป็นผู้ให้สิทธิบัตรหรือแฟรนไชส์ (Franchise or Licensing Partnership)
7. การค้าร่วมผ่านอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Partnership)
8. การให้บริการในรูปแบบเอาท์ซอร์ส (Outsourcing Partnership)
9. การร่วมลงทุนในโครงการ (Investment Partnership)

การเป็นพันธมิตรกับจีนมีค่าใช้จ่ายที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมคุณภาพ การขนส่ง และภาษีศุลกากร ซึ่งจะมีหลายด้านที่ควรพิจารณาและจะแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจ ขนาดของการผลิต และข้อตกลงทางธุรกิจ ด้านล่างคือรายการค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
1. ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้า
2. ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ
3. ค่าขนส่งและโลจิสติกส์
4. ภาษีนำเข้าและภาษีศุลกากร
5. ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและสัญญา
6. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเยี่ยมชมโรงงาน
7. ค่าธรรมเนียมตัวแทนหรือเอเจนซี่
8. ค่าใช้จ่ายอื่นอาทิ ค่าจัดทำบรรจุภัณฑ์ (Packaging Costs) และหรือค่าธรรมเนียมธนาคารและการโอนเงินระหว่างประเทศ

และในท้ายที่สุดนี้เรามีวิธีแนะนำเพื่อลดความยุ่งยากและลดปัญหาที่ซับซ้อนกับการเป็น partner กับจีน นั่นก็คือ เลือกใช้บริการจากบริษัทตัวแทนหรือเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในการหาพันธมิตรที่น่าเชื่อถือแบบครบวงจร ที่เค้าดูแลและบริการ คัดสรรโรงงานที่มีมาตราฐาน รวมถึงตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ตรงปก และยังจัดการเอกสารต่างๆในการนำเข้าที่ถูกกฎหมายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาแต่อย่างใด อีกทั้งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น Canton Fair ที่เปิดโอกาสให้คุณพบและเจรจาโดยตรงกับผู้ผลิต ซึ่งการเยี่ยมชมโรงงานและการตรวจสอบสินค้าตัวอย่างเป็นวิธีการที่ดีในการสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความน่าเชื่อถือของพันธมิตรนั่นเอง

 

Categories
Blog

ส่งพัสดุแบบ LCL

การส่งพัสดุแบบ LCL (Less than Container Load) เป็นการขนส่งสินค้าทางทะเลหรือทางบกที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับผู้ส่งรายอื่น โดยเหมาะสำหรับผู้ที่มีสินค้าที่ไม่มากพอจะเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ (FCL – Full Container Load) การขนส่งแบบนี้ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งเมื่อสินค้ามีน้ำหนักหรือปริมาณน้อย และใช้พื้นที่ในตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับผู้อื่น

ข้อดีของการส่งพัสดุแบบ LCL

  1. ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง: เนื่องจากคุณจะไม่ต้องเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ ค่าใช้จ่ายจะถูกแบ่งตามปริมาณพื้นที่ที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
  2. ยืดหยุ่น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณสินค้าหรือพัสดุไม่มาก และไม่จำเป็นต้องรอให้สินค้าครบเพื่อให้เต็มตู้
  3. สะดวกสำหรับสินค้าขนาดเล็ก: ช่วยลดปัญหาในการจัดการกับสินค้าขนาดเล็กที่ไม่สามารถเต็มตู้ได้

ขั้นตอนการส่งพัสดุแบบ LCL

  1. เตรียมพัสดุ: แพ็คสินค้าหรือพัสดุอย่างเหมาะสม โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่ง
  2. ติดต่อบริษัทขนส่ง: เลือกบริษัทขนส่งที่ให้บริการ LCL และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับพัสดุ เช่น ขนาด น้ำหนัก และปลายทาง
  3. คำนวณค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายจะคิดตามปริมาณสินค้าที่คุณส่ง โดยจะคำนวณตามปริมาตร (CBM – Cubic Meter) ของพัสดุ
  4. การรวมสินค้ากับผู้อื่น: บริษัทขนส่งจะรวมพัสดุของคุณกับพัสดุของผู้ส่งรายอื่นๆ เพื่อจัดส่งในตู้คอนเทนเนอร์เดียวกัน
  5. การส่งออกและกระจายสินค้า: เมื่อสินค้าถึงปลายทาง บริษัทขนส่งจะจัดการเรื่องการกระจายสินค้าให้ถึงมือผู้รับแต่ละรายตามที่ระบุ

สิ่งที่ต้องระวัง

  • ระยะเวลา: การขนส่ง LCL อาจใช้เวลานานกว่าการเช่าตู้แบบเต็มตู้ (FCL) เนื่องจากต้องรอการรวบรวมสินค้าให้เต็มตู้ก่อนการขนส่ง
  • ความปลอดภัยของสินค้า: สินค้าจะถูกส่งร่วมกับผู้ส่งรายอื่น ควรตรวจสอบว่าบรรจุภัณฑ์มีความแข็งแรงพอเพื่อป้องกันความเสียหาย

เหมาะกับใคร

  • ผู้ประกอบการที่มีสินค้าปริมาณน้อย
  • ผู้ส่งที่ต้องการลดต้นทุนในการขนส่ง
  • ผู้ที่ไม่เร่งด่วนในการรับพัสดุ

การขนส่งแบบ LCL เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลดต้นทุนในการส่งพัสดุโดยไม่จำเป็นต้องเช่าตู้ทั้งตู้

Categories
Blog

มหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีน

มหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีน

เป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภคในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ที่การนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นส่วนสำคัญของการค้าขายและการดำเนินธุรกิจ งานเทศกาลนี้มักเป็นที่นิยมสำหรับการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ และการพบปะเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ค้าจากจีนและผู้ประกอบการในประเทศ

ลักษณะและความสำคัญของมหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีน

  1. การจัดแสดงสินค้าหลากหลายประเภท:

    • มหกรรมนี้มักจะรวมสินค้าหลากหลายประเภทจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายในจีน ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว ไปจนถึงสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์
    • เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในท้องถิ่นที่จะพบปะและเจรจาธุรกิจกับผู้ผลิตและซัพพลายเออร์จากจีนโดยตรง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและทำข้อตกลงการซื้อขาย
  2. การเปิดตัวสินค้าและนวัตกรรมใหม่:

    • ในงานมหกรรมนี้ ผู้ผลิตจากจีนมักใช้เป็นเวทีในการเปิดตัวสินค้าใหม่และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อและผู้บริโภค
    • สินค้าที่นำมาแสดงมักเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีความคุ้มค่าในด้านราคา ทำให้ผู้ประกอบการสามารถพิจารณานำเข้าสินค้าใหม่ ๆ มาทำตลาดในประเทศได้
  3. การให้ข้อมูลและการฝึกอบรม:

    • งานมหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีนมักมีการจัดสัมมนาและการฝึกอบรมเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า การตลาด และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการนำเข้าและข้อกำหนดทางกฎหมาย
    • ผู้เข้าร่วมงานสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแนวโน้มและทิศทางของตลาดสินค้านำเข้า รวมถึงกลยุทธ์การนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าที่ประสบความสำเร็จ
  4. การสร้างเครือข่ายและโอกาสทางธุรกิจ:

    • มหกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างเครือข่ายกับผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และนักธุรกิจจากจีน รวมถึงนักธุรกิจจากประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมงาน
    • การเจรจาธุรกิจโดยตรงกับผู้ผลิตสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการได้ข้อเสนอที่ดีกว่า และสามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขการซื้อขายที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน
  5. ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ:

    • งานเทศกาลนี้ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่างจีนและประเทศที่จัดงาน เป็นการเปิดช่องทางให้สินค้าและวัฒนธรรมจีนเข้าถึงตลาดต่างประเทศมากขึ้น
    • ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย โดยการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

ข้อดีของการเข้าร่วมมหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีน

  1. การเข้าถึงสินค้าที่หลากหลาย: ผู้ประกอบการสามารถค้นหาสินค้าใหม่ ๆ ที่อาจจะยังไม่มีในตลาดท้องถิ่น ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความแตกต่างและการขยายธุรกิจ
  2. การเจรจาและการต่อรอง: การพบปะกับผู้ผลิตโดยตรงช่วยให้สามารถเจรจาเงื่อนไขการซื้อขายที่ดีและยืดหยุ่นกว่า รวมถึงการต่อรองราคาและเงื่อนไขการชำระเงิน
  3. การรับข้อมูลตลาด: ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในจีน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนธุรกิจและการตลาดในอนาคต
  4. การสร้างเครือข่ายธุรกิจ: สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

สรุป

มหกรรมเทศกาลนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นเวทีที่สำคัญสำหรับการพบปะระหว่างผู้ประกอบการและผู้ผลิตจากจีน เป็นโอกาสในการค้นหาสินค้าใหม่ เจรจาธุรกิจ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เข้มแข็ง การเข้าร่วมงานเทศกาลนี้สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดและขยายธุรกิจของตนให้เติบโตยิ่งขึ้น

Categories
Blog

กวางเจาเทรดแฟร์ โอกาสทองในการลงทุน

หากคุณอยากเริ่มธุรกิจแต่มองหาสินค้าไม่ได้ ห้ามพลาด “กวางเจาเทรดแฟร์” งานนำเข้าสินค้าจากจีนในราคาสุดคุ้ม โอกาสทองที่นักธุรกิจไม่ควรพลาด!งานกวางเจาเทรดแฟร์

กวางเจาเทรดแฟร์ (Guangzhou Fair) หรือที่รู้จักกันในชื่อ แคนตันแฟร์ (Canton Fair) เป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยมีชื่อเต็มว่า China Import and Export Fair ซึ่งจัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 งานนี้ถูกจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายนและตุลาคม และแบ่งออกเป็น 3 เฟสตามประเภทอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เลือกสินค้าและผู้ผลิตที่ตรงกับความต้องการ

ครึ่งปีแรก: งานจะจัดขึ้นระหว่างกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วน ครึ่งปีหลัง: จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยในแต่ละเฟสจะมีการจัดแสดงสินค้าจากอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้งานนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ หรือสินค้าสำหรับการนำเข้า

โซนที่น่าสนใจในกวางเจาเทรดแฟร์

งานแสดงแฟร์ 2024

Phase 1: วันที่ 15 – 19 ตุลาคม 2567
โฟกัสไปที่สินค้าอุตสาหกรรมหนัก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน วัสดุก่อสร้าง สินค้ากลุ่มพลังงาน เครื่องจักร และอะไหล่ต่างๆ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม พลังงาน และการผลิต

Phase 2: วันที่ 23 – 27 ตุลาคม 2567
เน้นสินค้าบริโภคทั่วไป เช่น เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของตกแต่ง และผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจค้าปลีกที่กำลังมองหาสินค้าเพื่อจำหน่ายในตลาดที่หลากหลาย

Phase 3: วันที่ 1 – 4 พฤศจิกายน 2567
โซนนี้เน้นสินค้าเพื่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เช่น เสื้อผ้าเด็กและผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ยา อุปกรณ์การแพทย์ และสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในกลุ่มสุขภาพ การเดินทาง และการดูแลส่วนตัว

เลือกโซนที่ตรงกับธุรกิจที่คุณสนใจ และเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจผ่านงานกวางเจาเทรดแฟร์ 2024 ครั้งที่ 136!

หากท่านใดไม่อยากวางแผนการเดินทางเอง หรือยังกังวลเรื่องขั้นตอนของการเข้างาน TEG CARGO มีบริการโปรแกรม ทัวร์ส่วนตัว ที่พาเข้าร่วมงานกวางเจาเทรดแฟร์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจทุกท่าน ได้ทั้งเที่ยวและช่องทางการทำธุรกิจ แบบนี้เฮงๆ รวยๆ แน่นอน❗
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
Tel: 061-996-6663
Website: www.tegcargo.com
Line: @tegcargo
Wechat: TEGCARGO
Categories
Blog

สินค้ายอดนิยมที่แม่ค้าออนไลน์นำเข้าจากจีน

สินค้ายอดนิยมที่แม่ค้าออนไลน์นิยมนำเข้าจากจีนเพื่อนำมาขายในไทยหรือประเทศอื่นๆ มีหลากหลายหมวดหมู่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มีตลาดเฉพาะกลุ่ม (niche market) หรือสินค้าที่ไม่พบมากในตลาดทั่วไป สินค้าประเภทนี้มักจะช่วยให้แม่ค้าสามารถแข่งขันได้ง่ายขึ้นและมีกำไรสูงขึ้น เช่น

  1. สินค้าแฟชั่นเฉพาะกลุ่ม

    • เสื้อผ้าสำหรับงานเฉพาะ เช่น ชุดคอสเพลย์ ชุดสำหรับคนที่ชอบสไตล์เกาหลีหรือญี่ปุ่น
    • เครื่องประดับเฉพาะ เช่น เครื่องประดับทำมือ ชุดประดับผม
  2. ของแต่งบ้านสไตล์เฉพาะ

    • ของตกแต่งที่ออกแบบให้เข้ากับสไตล์มินิมอล, สไตล์วินเทจ หรือสไตล์สแกนดิเนเวีย
    • ของตกแต่งห้องธีมพิเศษ เช่น ธีมวินเทจ ธีมธรรมชาติ ธีมสีพื้นเรียบง่าย
  3. สินค้าไลฟ์สไตล์และกีฬาสำหรับกลุ่มเฉพาะ

    • อุปกรณ์ออกกำลังกายแบบพกพา
    • สินค้าสำหรับการทำสมาธิ โยคะ หรือการดูแลสุขภาพจิต
  4. ของเล่นและสินค้าสำหรับเด็กแนวใหม่

    • ของเล่นแนวการศึกษา (Educational toys) ที่มีฟังก์ชันในการพัฒนาทักษะเด็ก
    • สินค้าสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กทารกที่ปลอดภัยและใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  5. สินค้าเทคโนโลยีเฉพาะด้าน

    • อุปกรณ์เสริมที่ใช้กับสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะทาง เช่น กล้องจิ๋ว, แก็ดเจ็ตสำหรับการสตรีมเกม
  6. ผลิตภัณฑ์ความงามที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ

    • เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้สมุนไพรจากธรรมชาติหรือสารสกัดจากพืชหายาก
    • อุปกรณ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบพกพา
  7. สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

    • อาหารหรือของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทำจากวัตถุดิบที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์
    • อุปกรณ์แต่งตัวหรือเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

การเลือกสินค้านอกนิชมามาขายสามารถทำให้แม่ค้าออนไลน์สามารถเข้าถึงตลาดเฉพาะที่มีความต้องการสูงแต่มีการแข่งขันน้อย และช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ร้านค้า

Categories
Blog

แม่ค้าออนไลน์ต้องฟังก่อนพังเพราะไม่รู้เรื่องภาษีขาเข้าภาษีขาเข้ามีอะไรบ้าง

การทำธุรกิจขายออนไลน์ โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อจำหน่ายในประเทศของคุณ ต้องมีการเข้าใจถึงกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับภาษีขาเข้าอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากับกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่รัฐ ภาษีขาเข้าประกอบด้วยภาษีหลายประเภทที่ต้องจ่ายเมื่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เช่น:

1. ภาษีนำเข้า (Import Duty)

ภาษีนำเข้าคำนวณจากมูลค่าสินค้าที่นำเข้า อัตราภาษีแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดยทั่วไปจะอ้างอิงจากตารางภาษีที่กำหนดโดยกรมศุลกากรของแต่ละประเทศ

2. VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม

เป็นภาษีที่จะถูกเรียกเก็บเมื่อสินค้านำเข้าเข้าสู่ระบบการค้าในประเทศ อัตรา VAT ขึ้นอยู่กับประเทศและประเภทของสินค้า

3. ภาษีพิเศษบางประเภท

บางสินค้าอาจถูกเรียกเก็บภาษีพิเศษ เช่น สินค้าที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ หรือน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีอัตราภาษีสูงกว่าสินค้าปกติ

4. ภาษีสิ่งแวดล้อม

ในบางประเทศ อาจมีการเรียกเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ภาษีบรรจุภัณฑ์หรือภาษีที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิล

การดำเนินการเกี่ยวกับภาษีขาเข้า

เพื่อจัดการกับภาษีขาเข้าอย่างเหมาะสม คุณควร:

  • ทำความเข้าใจกฎหมายภาษี: ศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับภาษีขาเข้าและการจำแนกประเภทสินค้าของประเทศที่คุณทำการนำเข้า
  • การจัดทำเอกสารครบถ้วน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการนำเข้าสินค้า อาทิ เอกสารที่แสดงถึงมูลค่าสินค้าและประเภทสินค้า เป็นไปตามกฎหมายและครบถ้วน
  • รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการจัดการภาษีขาเข้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทตัวแทนศุลกากร

การเข้าใจและจัดการกับภาษีขาเข้าอย่างถูกต้องจะช่วยให้การนำเข้าสินค้าของคุณมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต ความรู้นี้จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและขายในตลาดออนไลน์

Categories
Blog

5 ข้อดีนำเข้าสินค้าจากจีน

5 ข้อดีนำเข้าสินค้าจากจีน

การนำเข้าสินค้าจากจีนมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนเลือกใช้วิธีนี้ในการทำธุรกิจ นี่คือ 5 ข้อดีที่สำคัญในการนำเข้าสินค้าจากจีน

1. ต้นทุนต่ำ

  • สินค้าในราคาถูก: จีนเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่และมีการผลิตสินค้าจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ การนำเข้าสินค้าจากจีนจึงสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับผู้ประกอบการได้

2. ความหลากหลายของสินค้า

  • ตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย: จีนมีการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน จนถึงสินค้าประเภทเครื่องมืออุตสาหกรรม ผู้ประกอบการสามารถเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาดได้ง่ายขึ้น

3. เข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ

  • สินค้านวัตกรรม: จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว การนำเข้าสินค้าจากจีนช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก่อนตลาดอื่นได้

4. การสนับสนุนจากผู้ผลิต

  • การสั่งซื้อแบบ OEM/ODM: ผู้ผลิตจีนสามารถให้บริการ OEM (Original Equipment Manufacturer) และ ODM (Original Design Manufacturer) ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับแต่งสินค้าตามความต้องการเฉพาะและสร้างแบรนด์ของตัวเองได้

5. ความสะดวกในการขนส่งและโลจิสติกส์

  • เครือข่ายการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ: จีนมีเครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วโลก ทั้งทางเรือ ทางบก และทางอากาศ รวมถึงมีบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การนำเข้าสินค้าจากจีนสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง

สรุป

การนำเข้าสินค้าจากจีนมีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ต่ำ ความหลากหลายของสินค้า การเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ การสนับสนุนจากผู้ผลิต และความสะดวกในการขนส่ง ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาด

Categories
Blog

5 วิธี เช็คลิส นำเข้ากับ คาร์โก้ ชิปปิ้งจีน

5 วิธี เช็คลิส นำเข้ากับ คาร์โก้ ชิปปิ้งจีน

การเลือกผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าหรือคาร์โก้จากจีนเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกิจนำเข้าสินค้า นี่คือ 5 วิธีเช็คลิสต์ในการเลือกผู้ให้บริการคาร์โก้ชิปปิ้งจากจีน:

1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัท

  • การจดทะเบียนบริษัท: ตรวจสอบว่าบริษัทมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีสำนักงานที่ตั้งชัดเจนทั้งในไทยและจีน และมีเอกสารรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • รีวิวและฟีดแบ็คจากลูกค้า: ค้นหาความคิดเห็นและรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ รีวิวออนไลน์ หรือกลุ่มในโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้อง

2. บริการและความเชี่ยวชาญ

  • ประเภทของบริการ: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญในประเภทสินค้าที่คุณต้องการนำเข้า เช่น สินค้าขนาดใหญ่ สินค้าที่ต้องการการจัดการพิเศษ หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง
  • การจัดการภาษีและเอกสาร: ผู้ให้บริการที่ดีควรมีบริการจัดการเอกสารภาษี ศุลกากร และการออกใบกำกับสินค้าอย่างถูกต้องและครบถ้วน ช่วยลดความยุ่งยากในการทำธุรกิจ
  • การติดตามสถานะสินค้า: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีระบบติดตามสถานะสินค้าที่ทันสมัยและใช้งานง่าย เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสินค้าตลอดเวลา

3. ความรวดเร็วและความตรงเวลา

  • ระยะเวลาขนส่ง: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการสามารถจัดส่งสินค้าได้ตามกำหนดเวลาที่คุณต้องการ มีความยืดหยุ่นในการขนส่งและสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาขนส่ง
  • การจัดส่งแบบด่วน: หากคุณต้องการบริการจัดส่งที่รวดเร็ว ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีตัวเลือกการจัดส่งแบบด่วนหรือไม่ และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นอย่างไร

4. ค่าบริการและความคุ้มค่า

  • ราคาค่าบริการ: เปรียบเทียบราคาค่าบริการระหว่างผู้ให้บริการหลายราย ตรวจสอบว่าราคาที่เสนอรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งหมดแล้วหรือไม่ เช่น ค่าภาษี ค่าขนส่งภายในประเทศ ค่าจัดการเอกสาร เป็นต้น
  • เงื่อนไขการชำระเงิน: ตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงิน เช่น การชำระเงินล่วงหน้า การชำระเป็นงวด หรือการชำระเงินเมื่อสินค้าถึงปลายทาง ซึ่งต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม

5. บริการหลังการขายและการรับประกัน

  • การบริการลูกค้า: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีทีมงานที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ สามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
  • การรับประกันความเสียหาย: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีนโยบายการรับประกันความเสียหายของสินค้าในระหว่างการขนส่งหรือไม่ รวมถึงการชดเชยหากเกิดความเสียหาย

สรุป

การเลือกผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าหรือคาร์โก้จากจีนที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือ ความเชี่ยวชาญ ความรวดเร็ว ความคุ้มค่า และการบริการหลังการขาย การเช็คลิสต์ตามวิธีข้างต้นจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับการนำเข้าสินค้าจากจีนได้อย่างมั่นใจ

Categories
Blog

Form E คืออะไร

Form E คืออะไร?

Form E หรือ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นเอกสารที่สำคัญในกระบวนการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกในเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Area หรือ ACFTA) Form E ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐในประเทศสมาชิก เพื่อรับรองว่าสินค้าที่ส่งออกนั้นเป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศสมาชิกที่ออกเอกสาร

ความสำคัญของ Form E

Form E มีบทบาทสำคัญในการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากช่วยให้สินค้าที่ส่งออกได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดภาษีนำเข้าหรือการยกเว้นภาษีทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิกในเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน

เกณฑ์การใช้ Form E

  1. การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า: สินค้าที่ต้องการใช้ Form E ต้องเป็นไปตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งอาจกำหนดว่าสินค้าต้องผลิตขึ้นในประเทศสมาชิก หรือมีการแปรรูปเพียงพอในประเทศสมาชิกเพื่อให้ถือว่าเป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศนั้น
  2. การออกเอกสาร: Form E ต้องออกโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออก เช่น กรมการค้าต่างประเทศ หรือหอการค้าในประเทศนั้นๆ
  3. การใช้เอกสาร: ผู้นำเข้าต้องยื่น Form E ต่อศุลกากรในประเทศของตนเมื่อทำการนำเข้าสินค้า เพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อตกลง ACFTA

ขั้นตอนการขอ Form E

  1. ยื่นคำขอ: ผู้ส่งออกต้องยื่นคำขอออก Form E พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการส่งออก ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และเอกสารการผลิต
  2. ตรวจสอบและออกเอกสาร: หน่วยงานที่รับผิดชอบจะตรวจสอบข้อมูลและออก Form E หากสินค้าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด
  3. การใช้งาน: เมื่อสินค้าถึงประเทศปลายทาง ผู้นำเข้าต้องยื่น Form E ต่อศุลกากรเพื่อลดหย่อนภาษีนำเข้าตามที่กำหนดในข้อตกลง ACFTA

ประโยชน์ของ Form E

  1. ลดต้นทุนการนำเข้า: ผู้นำเข้าที่มี Form E สามารถลดต้นทุนทางภาษี ทำให้สินค้ามีราคาที่แข่งขันได้ในตลาด
  2. ส่งเสริมการค้า: Form E ช่วยเสริมสร้างการค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิก ACFTA ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
  3. สนับสนุนผู้ประกอบการ: ช่วยให้ผู้ส่งออกและนำเข้าในประเทศสมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้สามารถขยายธุรกิจและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

ข้อควรระวัง

  • ความถูกต้องของเอกสาร: Form E ต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน หากมีข้อผิดพลาดอาจทำให้ผู้นำเข้าไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
  • ระยะเวลาการใช้: Form E มีอายุการใช้งานที่กำหนด ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะที่นำเข้า

สรุป

Form E เป็นเอกสารที่สำคัญในกระบวนการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกในเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ช่วยให้สินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อตกลงทางการค้าเสรี ทำให้การค้าระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

Categories
Blog

การนำเข้าสินค้าจากจีนที่ต้องติดเครื่องหมาย มอก.

การนำเข้าสินค้าจากจีนที่ต้องติดเครื่องหมาย มอก.

การนำเข้าสินค้าจากจีนมักต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพเพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเหล่านั้นมีความปลอดภัยและมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในประเทศไทย ซึ่งมีสินค้าหลายประเภทที่ต้องได้รับการรับรองและติดเครื่องหมาย มอก. ก่อนนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ดังนี้

1. เครื่องใช้ไฟฟ้า

สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วง เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับเครื่องหมาย มอก. เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่ได้มาตรฐาน

2. วัสดุก่อสร้าง

วัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ ท่อพีวีซี และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้ในอาคารและโครงสร้างต่าง ๆนเพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีความทนทานตามที่กำหนดไว้

3. ยางรถยนต์

ยางรถยนต์ทั้งสำหรับรถยนต์นั่ง รถบรรทุก และยางรถจักรยานยนต์ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานเพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน มอก.

4. ของเล่นเด็ก

ของเล่นเด็กที่ผลิตสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานเพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้งาน เช่น ของเล่นที่มีส่วนประกอบเล็ก ๆ หรือใช้วัสดุที่อาจเป็นพิษ

5.หมวกกันน็อค

สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานเพื่อให้มั่นใจว่าให้ความปลอดภัยและปกป้องผู้ขับขี่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

6.ผลิตภัณฑ์อาหาร
ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องปรุงต่างๆ เช่น น้ำปลา ซอสปรุงรส โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ต้องให้มั่นใจว่าไม่มีสารอันตรายปนเปื้อนและปลอดภัยในการบริโภค

สรุป

การนำเข้าสินค้าเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตและตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อให้มั่นใจว่าะจำหน่ายในประเทศมีคุณภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค หากนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีเครื่องหมาย มอก. ผู้ประกอบการอาจต้องเผชิญกับบทลงโทษทางกฎหมาย เช่น การถูกปรับหรือจำคุกตามกฎหมายที่บังคับใช้